คนชอบฟังอย่างฉัน กับ Founder Apprentice

Kanin Kearpimy
3 min readFeb 5, 2019

จากเด็กสายอาชีพเน้นปฏิบัติ ลงมือทำแปรผันเข้าสู่โลกการทำงานเพราะปัญหาการเงินในครอบครัว สุดท้ายเดินทางเข้าสู่อุดมศึกษาเพื่อไล่ตามสาขาที่ตัวเองต้องการ จนวันหนึ่งพบเจอโครงการที่ทำให้โลกของเขาเปลี่ยนแปลงจากเดิมตลอดไป

หากผมพูดถึงตัวแทนประเทศ ทุกคนจะนึงถึงบุคลิกคนแบบไหนครับ ? ใส่แว่น เรียนเก่งตั้งแต่ประถม ท่องสูตรคูณถึงแม่ 24 ได้ตั้งแต่อนุบาล หรือพูดได้ตั้งแต่ 1 ขวบ หรือป่าว ? หรือจะเป็นบุคลิกของคนที่ เรียนได้โอเค เจอสังคมดีๆ เพื่อนดีๆ พร้อมด้วยความพยายามดีๆ

อาจจะใช่ทั้ง 2 บุคลิก หรืออาจจะไม่ใช่เลย ซึ่งคำตอบคงแตกต่างกันไป แต่วันนี้ผมจะมาเล่าถึงเด็กคนหนึ่ง ที่บุคลิกกลางๆ ที่เข้าร่วมโครงการไม่ธรรมดา จนเขาได้พบเจอกับคน ที่บุคลิกดูธรรมดา แต่สามารถสร้างบางสิ่งให้สังคมหรือประเทศได้ แล้วอะไรคือสิ่งที่ไม่ธรรมดา ที่หล่อหลอมพวกเขาให้เป็น “เขา/เธอ” อย่างทุกวันนี้กันนะ….?

Founder Apprentice

Founder Apprentice เอาจริงๆ ถ้าอยากอ่านเกี่ยวกับโครงการนี้ว่าเขาทำอะไร ผมแนะนำให้อ่านรีวิวของเพื่อนๆ ผมที่เขียนไว้ดีมากๆ แล้ว (Link อยู่ด้านล่างนะครับ) แต่หากบทความนี้ผมจะมาเล่าถึงเรื่องของ “คน” อันเป็นส่วนผสมสำคัญที่ทำให้ Founder Apprentice มีรสชาติ “หลากหลายอย่างกลมกล่อม”

“เราไม่เชื่อในความคิดที่ว่า คนสำเร็จต้องล้มเหลวก่อนถึงจะสำเร็จ เพราะบางคนล้มเหลวแล้วก็ล้มเหลวอีก บางคนสำเร็จแล้ว ก็สำเร็จอีก”

5 Days Workshop

คำพูดของน็อตผู้ Creative สะท้อนออกมาถึง “ความคิดต่าง” ที่ทุกคนใน Founder Apprentice มีติดตัว ย้อนกลับไปช่วงการเข้าร่วมทำ Workshop เพื่อติดอาวุธ โดยเผชิญกับการแก้ปัญหาในเชิงธุรกิจที่เจอจริงๆ ลงมือทำจริงๆ ซึ่งหนึ่งในการลงมือทำที่ว่าคือ Design Thinking อันเป็นการ “ตามหาปัญหา” ด้วยการถามจาก “คนที่เจอปัญหาจริงๆ” ไม่ใช่การยึดติดกับแนวคิด ประสบการณ์เดิมๆ ที่มีแค่ “เราคนเดียว” ที่รู้ สิ่งที่เราชอบที่สุดใน Design Thinking คือมัน “ไม่มีถูก-ผิด” มีแต่คำว่า “เหมาะสม-อาจจะเหมาะสมที่จะทำ”

เพราะในเชิงธุรกิจปัจจุบันที่มีความเปลี่ยนแปลงรวดเร็จ รุนแรง แข่งขันสูง ไม่มีสูตรไหน ”สำเร็จตายตัว” อีกต่อไป หากแต่จะมี “สูตรแห่งการปรับตัว” ให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งสูตรตรงนี้เองที่ Founder Apprentice ทุกคนได้เรียนรู้ พบเจอ และนำกลับไปใช้กับทุกเรื่องในชีวิตได้

“จะ 70 คน หรือ 7,000 คน ถ้าสร้าง “คุณค่า” ไม่ได้ก็ไม่แตกต่างกัน”

Conduct Design Thinking Workshop

คุณค่าสำหรับพวกคุณคืออะไรหรอครับ การมีใครซักคนใส่ใจเราหรือการมีเงินเยอะๆ แต่ในเชิงธุรกิจ คำว่า “คุณค่า” คือการที่เราสามารถสร้าง “บางสิ่ง” ให้สามารถ “แก้ปัญหา” เพื่อกับลูกค้าของเราได้

ในตอนที่เราเข้าฝึกงานกับบริษัท Ricult ซึ่งเป็นบริษัท Startup ทำ Big Data กับเกษตรกรรมของไทย พี่เอิน (CEO ของบริษัท) ให้งานหนึ่งเรามาว่า “จะทำยังไงให้เกษตรกรที่มีอยู่ในระบบหันมาใช้ Product มากขึ้น” ซึ่งสิ่งที่เราคิดขึ้นมาก็คือ LINE Message มีหน้าที่ยิงข้อมูลการพยากรณ์อากาศให้กับเหล่าเกษตรกร จุดพีคคือมีเกษตรกรเพียงแค่ 70 คนเท่านั้น ที่สามารถใช้งาน Message ของเราได้

ตอนนั้นคิดแล้วว่า มันจะพอหรอแค่ 70 คน อีกอย่างเกษตรกรในประเทศไทยมีเป็นล้าน แต่มีตัวอย่าง 70 คน เราจะมั่นใจได้ยังไงกันนะ ว่าสิ่งที่เราทำมันถูก แต่เมื่อเราลองไปปรึกษาเรื่องนี้กับ พี่ๆในทีม กลับได้คำตอบที่เราจำได้ขึ้นใจ

“มันไม่สำคัญหรอกว่าจะคนใช้มากหรือใช้น้อยในตอนแรก เพราะทุกอย่างต้องมีการปรับเปลี่ยนตลอด แต่ถ้าไม่เริ่ม ก็จะพิสูจย์อะไรไม่ได้เลย ถ้าเราทำแค่ 70 คน แล้วยังไม่มีคนใช้ จะ 700 หรือ 7000 ก็อาจจะไม่ต่างกัน”

สุดท้ายในเชิงธุรกิจ มันไม่สำคัญเลยว่า “ตอนเริ่มแรก” จะมีคนใช้เยอะหรือน้อย เราขอแค่ “พิสูจย์ได้” ว่าสิ่งที่เราทำมัน “มีคุณค่า” เท่านั้นก็พอ เพราะสุดท้ายก็ต้องค่อยๆ พัฒนาสิ่งที่เราทำไปเรื่อยๆ อยู่ดี

“บางครั้งเราเอาแต่มองข้อผิดพลาดของคนอื่น จนลืมมองข้อผิดพลาดของตัวเอง”

Question & Answer Session

มะเหมี่ยว หญิงแกร่งผู้คว้า 7 รางวัลระดับประเทศภายในปีเดียวคุยกับเราในช่วง Curation งาน พร้อมแง่คิดหลายๆ อย่างในการนำคน ครั้งหนึ่งเธอคนนี้เคยบอกกับพวกเราถึงการนำทีมที่ผิดพลาด ด้วยการเอาแต่มองข้อผิดพลาดของผู้อื่น พยายามแก้ไขคนอื่น จนลืมเรื่องสำคัญที่สุดที่จะหันมามอง “ตัวเอง”

มันทำให้เรานึกถึงครั้งที่ เราต้องรับงาน 3 งานพร้อมกัน ความเครียด กดดัน Deadline ที่กระชั้นชิดเข้ามาจนทำเอาเราท้อไม่น้อย ณ ตอนนั้นสิ่งที่เราทำคือสู้ปัญหาไปคนเดียวจนลืมที่จะมองว่า “เราทำมันคนเดียวไม่ไหวหรอก” สุดท้ายเราเลยขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ ซึ่งสิ่งที่เราได้รับมันมากกว่าแค่ “ความช่วยเหลือเรื่องงาน” แต่มันคือ “ความไว้ใจ เชื่อใจ และมิตรภาพดีๆ” ที่คงจะไม่เกิดขึ้น ถ้าเราไม่หันมามอง “ตัวเอง” เพราะการรู้ตัวเองว่ามีข้อเสียตรงไหน ผิดพลาดอะไร จะทำให้เรารู้ว่าต้องมองคนอื่นยังไงเพื่อ “เข้าใจ” และอยู่ร่วมกับพวกเขาได้

“จริงๆ อยากช่วยตั้งนานแล้ว แต่นายไม่พูดไงละ ถ้านายพูดพวกเราก็พร้อมยื่นมือไปช่วยอยู่แล้ว” — Operation Teammate & Production Teammate

ทุกคนบอกให้พี่เรียนไปเถอะ 4 ปี จบแล้วจะได้มีงานทำ สุดท้ายตอนนี้พี่อยู่ปี 4 พอหันกลับไปถามคนที่บังคับพี่ให้เรียน ไม่มีใครตอบพี่ได้เลยว่า สิ่งที่พี่เรียนมา มันมีคุณค่าตรงไหน

Founder Apprentice — Boy Gang

จุกไม่น้อยเมื่อได้ยินคำพูดนี้ หลายครั้งเราเรียนไม่ว่าจะสายไหน ต่างก็เรียนเพราะคนอื่นบอกให้เรียน จนลืมไปว่าจริงๆ เราเรียนไปเพื่ออะไร หรือคุณค่าของเราอยู่ตรงไหน เราลืมเป้าหมาย ลืมชีวิต กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็กินเวลามานานมากแล้ว

เราคิดว่าเราโชคดี ที่ตั้งแต่เรียน ม. ต้น — ปวช. เราได้พบเจอคนดีๆ ที่แนะนำ เป็นตัวอย่างให้เราตลอด จนเรามาเจอคนใน Founder Apprentice เรายิ่งเข้าใจเลยว่า ถ้าเราเจอคนที่หลากหลายทั้งในเรื่อง “ประสบการณ์และความรู้” ความคิดและการมองโลกของเราก็จะหลากหลายตามไปด้วย ในท้ายที่สุดคนที่เราล้อมรอบตัวเรา ก็ถือเป็นหนึ่งปัจจัยที่หล่อหลอมตัวเราให้พัฒนาตัวเองไปข้างหน้า

หากพวกคุณมีเป้าหมาย การได้เจอกับคนมีเป้าหมายจะทำให้คุณไปถึงมันได้เร็วขึ้น

หากคุณเป็นคนกำลังหาเป้าหมาย การได้เจอกับคนที่คนมีเป้าหมาย จะทำให้คุณเจอมันเร็วขึ้น

หากคุณไม่รู้ว่าเป้าหมายคืออะไร การได้เจอคนที่มีเป้าหมาย จะทำให้คุณเห็นความสำคัญของมันมากขึ้น

และหาก….คุณไม่รู้อะไรเลย การลงมือทำไปกับคนมีเป้าหมาย จะทำให้คุณเห็นอะไรมากขึ้นบ้างแหละหน่ะ…

จะเป็นใคร พื้นฐานแบบไหนก็ไม่ต่างกันหรอก ลงมือทำได้ก็พอแล้ว

Final Day Presentation.

Founder Apprentice มีความหลากหลายอยู่พอสมควร บางคนเป็นคนทำ Startup ที่ชนะ 7 รางวัลใน 1 ปี บางคนรับงาน Project Coordinator ตั้งแต่ปริญญาตรีปี 2 บางคนบริษัทออกเงินให้ไปเข้าโครงการที่มาเลเชีย

แต่ไม่ว่าจะต่างอายุ ต่างที่เรียน ต่างสังคม สิ่งหนึ่งที่เรามีเหมือนกันคือ “การชอบเรียนรู้และพัฒนาตัวเอง” ที่สำคัญบ้าเหมือนกันด้วย เพราะงั้นบรรยากาศในโครงการจะเป็นเหมือนได้เจอเพื่อนๆ ที่พร้อมคุยกันได้ ช่วยเหลือกันได้ สนับสนุนกันได้ และทุกครั้งที่พวกเรากลับไปเจอกันอีกครั้ง ก็จะให้บรรยากาศเหมือนกลับไปพบเพื่อนเก่าที่ยังคงเล่นสนิท ติดตลกกันได้เหมือนเดิม…

เรื่องราวน่าติดตามของ Founder Apprentice คนอื่นๆ (บอกเลยว่าน่าติดตามทุกคนครับ ^__^)

พี่เน — ชายผู้ชื่นชอบไวน์ ค้นพบตัวเองจากการล้างแก้วไวน์ จนกลายเป็น Project Manager ใน Founder Apprentice Final Day >>>Link<<<

โรส — หนึ่งในสาวน้อยน่ารัก Degree นานาชาติ เป็น Fellow คนเดียวที่ได้ทุนจากบริษัท YoungHappy ไปเป็นตัวแทน CEO ถึงมาเลเชีย >>>Link<<<

ตี๋ — ชายมีเสน่ห์ (เล็กน้อย) ประจำ Ricult Operation Team กับความทุ่มเทที่พร้อมทำในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำในวงการธุรกิจ >>>Link<<<

เหวิน — หนึ่งในสาวน้อยน่ารักอีกคน ผู้ทำงานกับ Online Learning Platform อย่าง skilllane เป็นหญิงสาวที่ทำงานห้ามรุ่ง ห้ามค่ำมาก >>>Link<<<

--

--

Kanin Kearpimy

Software Engineer who passionate in Machine Learning. Love Mathematic, Programming, Public Speaking, and Writing.